วันที่: 2021-09-25 19:22:14.0
Google Ads/AdWords Marketing
|
---|
Section 1
เรียนรู้ ทำความเข้าใจ หลักการโฆษณา Google Adwords พร้อมทั้งลงมือปฎิบัติสร้างโฆษณาจริง อย่างถูกวิธี |
1. Google Ads/Adwords คืออะไร แสดงผลโฆษณาอย่างไร เสียค่าใช้จ่ายเท่าไร
|
2. เจาะลึกประเภทของ Google Ads/Adwords แต่ละประเภทเหมาะสมกับ สินค้า/บริการ แบบใด หลักคิดในการเลือกประเภทเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทางด้านการขายที่คุ้มค่ามากที่สุด
|
3. เริ่ม Workshop ปฎิบัติจริง ตั้งค่า Setup Adwords Account ลงมือทำละเอียดทุกขั้นตอน เน้นฝึกทำเทคนิคสำคัญที่จะช่วยให้ค่าคลิ๊กโฆษณาถูกลง และช่วยเพิ่มยอดขายให้ได้มากที่สุด จากงบประมาณโฆษณาที่จ่ายไป อาจารย์มีเทคนิคที่ทดสอบมาแล้วว่า สามารถลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มยอดขายได้จริง |
4. วิธีการสร้าง Campaign โฆษณา
|
5. เรียนรู้ส่วนขยาย (Extension) ใน Campaign ตั้งค่าส่วนขยายโฆษณา ซึ่งเป็นเทคนิคที่สำคัญมาก จะทำให้ Ads ของเรา โดดเด่นกว่าคู่แข่งและช่วยกระตุ้นให้ผู้เห็นโฆษณา ตัดสินใจ Click เข้าดูสินค้าหรือบริการของเราก่อน แทนที่จะเข้าดูของคู่แข่ง
|
6. การสร้าง Advertising Group
|
7. กลยุทธ์วิเคราะห์ Keywords (คำค้นหา) สามารถเลือก Keyword ที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด ได้ลูกค้าเป้าหมายที่มีความต้องการซื้อจริง ช่วยทำให้งบประมาณโฆษณาที่เสียไป คุ้มค่าอย่างยิ่ง
|
8. เข้าใจกฎเกณฑ์และข้อกำหนดในการลงโฆษณาปรับเปลี่ยนข้อมูลในเว็บไซต์ให้ถูกต้องตามกฎของ Google เพื่อป้องกันเว็บและโฆษณาของคุณโดนแบน เพื่อให้การลงโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพและแสดงอย่างต่อเนื่อง |
9. ตั้งค่าโฆษณา Adwords เสร็จสิ้นพร้อมรอโฆษณาแสดงผล ภายใน 24 ชม. หลังโฆษณาทำงานแล้ว สามารถตรวจสอบประสิทธิภาพการโฆษณา อ่านค่าสถิติทุกค่าที่สำคัญจาก Report ในระบบ Adwords เข้าใจวิธีวิเคราะห์ค่าสถิติของโฆษณา และเรียนรู้กลยุทธ์ในการปรับแต่งโฆษณาเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ Ads เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด |
Section 2
เทคนิคขั้นสูง เพื่อให้โฆษณา แสดงได้มีประสิทธิภาพคุ้มค่าโฆษณามากที่สุด |
1. เทคนิคควบคุมคำค้นหาเชิงลบ (คำค้นหาที่ไม่ต้องการให้เจอโฆษณาของเรา)
เพื่อควบคุมค่าคลิกที่ไม่อาจก่อให้เกิดการสั่งซื้อ และทำให้ค่าคลิกที่เสียไปมีประสิทธิภาพสูงสุด |
2. เทคนิคการตั้งค่าการแสดงผลโฆษณาของแต่ละอุปกรณ์ มือถือ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต
เพื่อให้การแสดงผลในอุปกรณ์นั้นๆ มีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น หากตั้งค่าคลิกอยู่ที่ 5 บาท แต่ต้องการให้โฆษณาแสดงในมือถือได้อันดับที่สูงกว่าสามารถปรับค่าคลิกให้เพิ่มอีก 20% จากค่าคลิกปกติ |
3. เทคนิคการตั้งค่าการเข้าถึงกลุ่มคนในแต่ละพื้นที่ให้มากขึ้น
เช่น สินค้า/บริการ ที่เน้นลูกค้าในจังหวัดภูเก็ต เราสามารถลงโฆษณาแค่พื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้ เพื่อป้องกันค่าคลิกในจังหวัดอื่นที่ไม่อาจก่อให้เกิดยอดการสั่งซื้อ หรือเราสามารถลงโฆษณา ทั่วประเทศไทยได้ แต่เน้นให้ลูกค้าจากจังหวัดภูเก็ตมากเจอมาที่สุดก็สามารถทำได้เช่นกัน |
4. เทคนิคการตั้งค่าการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในแต่ละช่วงเวลา หากเรารู้ถึงพฤติกรรมการซื้อของกลุ่มลูกค้าของเรา
เช่น กลุ่มลูกค้าจะมีการสั่งซื้อสินค้า/บริการ จำนวนมากในช่วงเวลา 13.00-15.00 น. เราสามารถปรับค่าคลิกเฉพาะช่วงเวลาดังกล่าวให้สูงขึ้นเพื่อการแสดงผลที่ดีได้ |
5. เจาะลึกถึงการสร้างกลุ่มโฆษณาย่อย หลายๆ กลุ่ม
เพื่อให้กลุ่มโฆษณาตรงกับคียเวิร์ดคำค้นหามากที่สุด ซึ่งจะส่งผลให้คะแนนคุณภาพของกลุ่มโฆษณานั่นๆ สูงขึ้นและทำให้ค่าคลิกถูกลง |
6. สามารถวิเคราะห์และปรับอัตราคาการประมูลค่าใช้จ่ายต่อคลิก (CPC) ในแต่ละคียเวร์ดให้เหมาะสมที่สุด |
7. เทคนิคพิเศษ การเพิ่มประสิทธิภาพ Marketing Campaign
สร้างความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณการตลาด ค่าคลิกถูกแต่อันดับสูง ด้วยเทคนิคเพิ่มค่า Quality Score |
8. สำคัญมาก!! เข้าใจ และ สามารถ คิด วิเคราะห์ ปรับแต่ง หน้าเว็บ Landing Pages / Sale Pages (ตามหลัก Customer Journey ที่เน้นการเพิ่ม Conversion) ที่สามารถ กระตุ้นความอยากซื้อ ทำให้ลูกค้าเห็นความจำเป็นที่ต้องใช้สินค้าของเรา ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในสินค้าบริการของเราว่าดีจริง เข้าใจวิธีการแทรกจิตวิทยาการขายเข้าไปในหน้าเว็บ เพื่อเร่งให้ลูกค้ารีบตัดสินใจซื้อ สามารถสร้างหน้า Landing Page ที่ปิดการขายได้จริง สามารถเลือกใช้เทคนิค Web Programming (HTML CSS JavaScript) นำมาใช้ในการแต่งหน้าเว็บให้น่าสนใจยิ่งขึ้น ช่วยในการสร้าง Brand เพิ่มมูลค่าให้สินค้าหรือธุรกิจ รู้หลักในการวาง Layout หน้าเว็บ จัดตำแหน่ง เรียงลำดับข้อมูล ที่จะทำให้ลูกค้าได้ รับรู้ข้อมูล สินค้า/บริการ ที่จะทำให้เพิ่ม Conversion Rate ลูกค้าซื้อเพิ่มขึ้น แต่ลดค่าโฆษณาให้ถูกลงได้ ถ้าทำข้อมูลในหน้าเว็บดี จะช่วยเพิ่มคะแนนคุณภาพ Quality Score ทำให้ค่าคลิ๊ก / ค่าโฆษณา ถูกลง สามารถใช้เทคนิค Call to Action , Sense of Urgency และเทคนิคอื่น ๆ ที่สำคัญในการเพิ่ม Conversion Rate ได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
Youtube VDO Marketing
|
Section 3
Display Network & Youtube Marketing เทคนิคสร้างการจดจำแบรนด์ (Brand Awareness) และ เพิ่มภาพลักษณ์แบรนด์ให้เหนือกว่าคู่แข่ง ด้วยโฆษณาแบนเนอร์ และ โฆษณาวีดิโอ |
1. Google Display Network (GDN)
วิธีโฆษณารูปภาพ Banner ไปยังเว็บเครือข่ายพันธมิตรของ Google ทั้งประเทศไทยและทั่วโลก จำนวนกว่า 2 ล้านเว็บไซต์ ครอบคลุมประชากร Internet กว่า 90% (ปัจจุบันจำนวนประชากรทั่วโลกที่เข้าถึง Internet อยู่ที่ประมาณ 3,200 ล้านคน) |
2. เจาะลึกประเภทของโฆษณา GDN Text Ads : โฆษณาข้อความ Image Ads : โฆษณารูปภาพ ภาพเคลื่อนไหวรูปแบบ .gif และ HTML5 Responsive Ads : โฆษณาที่ปรับเปลี่ยนตามอุปกรณ์ |
3. เทคนิคการกำหนดกลุ่มผู้ชมเป้าหมายสำหรับโฆษณา GDN เช่น การกำหนดตามพฤติกรรมผู้ใช้และความสนใจ /การกำหนดกลุ่มเป้าหมายตามประเภทหรือเนื้อหาของเว็บไซต์ การกำหนดเพศ อายุ ของผู้เข้าชม / การกำหนดเว็บไซต์ที่ต้องการไปแสดงแบนเนอร์ได้เอง |
4. Youtube Ads. วิธีสร้างแคมเปญโฆษณาวีดิโอ |
5. เจาะลึกประเภทของ Youtube Ads.
โฆษณา TrueView ในสตรีม (In-Stream) : โฆษณาวีดิโอที่สามารถกดข้ามหลังจากดูผ่านไป 5 วินาที โฆษณาวีดีโอแบบกดข้ามไม่ได้ (Unskippable) : โฆษณาวีดิโอที่ไม่สามารถกดข้ามโฆษณาได้ ความยาวสูงสุด 15 วินาที โฆษณาบัมเปอร์ (Bumper) : โฆษณาวีดิโอที่ไม่สามารถกดข้ามโฆษณาได้ ความยาวสูงสุด 6 วินาที โฆษณา TrueView Video Discovery : โฆษณาในผลการค้นหาของ YouTube |
6. เทคนิคการกำหนดกลุ่มผู้ชมเป้าหมายสำหรับโฆษณาวีดิโอ เช่น การกำหนดเพศ อายุ ของผู้เข้าชม / การกำหนดตามพฤติกรรมผู้ใช้และความสนใจ /การกำหนดกลุ่มเป้าหมายตามประเภทหรือเนื้อหาของวีดีโอ / การกำหนดช่อง Channel ที่ต้องการให้โฆษณาวีดิโอไปแสดง |
เทคนิคระดับสูง!! Google Remarketing การสร้างแคมเปญโฆษณาให้ติดตามกลุ่มลูกค้าที่เคยเข้า
มาที่เว็บไซต์ของเราแล้ว เทคนิคนี่เว็บดัง ๆ หลายเว็บนิยมใช้เช่น Lazada , agoda ,
expiedia เป้าหมายเพื่อสร้างการจดจำแบรนด์ กระตุ้นให้ลูกค้าที่ยังไม่ทำการสั่งซื้อในการเข้าเว็บครั้งแรกให้
เกิดการสั่งซื้อขึ้น
|
เทคนิคระดับสูง!! Facebook Retargeting การสร้างโฆษณาให้ตามติดลูกค้าใน Facebook
โดยจะแสดงใน Timeline Facebook ของลูกค้าที่เคยเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราแล้วหรือเคยเข้าชมหรือมีสนร่วมใน Facebook Page
โดยสามารถกำหนดได้ว่าจะให้โฆษณาตามติดลูกค้าในช่วงระยะเวลากี่วัน
|
7. เรียนรู้เจาะลึกการวิเคราะ์ข้อมูลสถิติและพฤติกรรมผู้ใช้ Website ด้วย Google Analytics ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ และใช้วัดผลตอบรับการทำ Digital Marketing Campaign ที่สำคัญอย่างยิ่ง หากคุณรู้วิธีการวัดผลการซื้อโฆษณาได้อย่างถูกต้อง จะทำให้คุณรู้ว่าการลงทุนซื้อโฆษณาของคุณนั้น จะต้องมีการปรับปรุงตรงส่วนไหนบ้าง ที่จะช่วยให้คุณลดค่าใช้จ่ายและสามารถเพิ่มผลกำไร ทำให้ ROI (Return on investment) สูงขึ้น ธุรกิจที่ต้องการเติบโต จาก Digital Marketing ได้อย่างแท้จริง จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเรียนรู้วิธีการวัดผลอย่างถูกวิธี |
พิเศษสุด ที่เดียวเท่านั้น!! เจาะลึกการทำ Programmatic Advertising การทำ Ads ที่แสดงผลตามพฤติกรรม หรือ สถิติการใช้งานเว็บไซต์ ของลูกค้า โดยการตั้งค่าให้แสดงโฆษณาแบบ Programmatic คล้ายการเขียน (หรือ ตั้งค่า) โปรแกรมสั่งงานให้ระบบ Ads ทำการแสดงตามเงื่อนไขที่เรากำหนด เช่น ทำโฆษณาแสดงกับผู้ที่ Click ปุ่ม Add Line , ทำโฆษณาแสดงกับผู้ที่เปิดเว็บไซต์มากกว่า 5 หน้า (คนที่เปิดเว็บหลายหน้าแสดงว่าสนใจในสินค้าหรือบริการของเรา) , ทำโฆษณาแสดงกับผู้ใช้เวลาอยู่ในเว็บไซต์นานกว่า 5 นาที (คนที่เข้าเว็บและใช้เวลาในเว็บนานแสดงว่าสนใจสนค้าหรือบริการ มีแนวโน้มที่จะทำการสั่งซื้อ) , ทำโฆษณาแสดงกับผู้ที่ดูสินค้าในเว็บแต่ยังไม่ได้ทำการสั่งซื้อ , ทำโฆษณาแสดงกับผู้ที่ Click ปุ่มเพื่อ Chat ผ่าน Facebook Messenger ในเว็บไซต์ Programmatic Advertising ถึงว่าเป็นเทคนิค Digital Marketing ขั้นสูง ที่อาศัยการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลด้วย ระบบ Google Web Analystics (คล้ายการทำ Big Data ขององค์กรขนาดใหญ่ แต่อยู่ในสเกลขนาดข้อมูลที่เล็กกว่า) จากนั้นนำ Data (พฤติกรรมหรือสถิติของผู้ใช้เว็บ) มาสร้าง , ตั้งค่า , ควบคุมการแสดงผลของโฆษณา เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ทางด้านธุรกิจให้สูงที่สุด การแข่งขันในการทำ Digital Marketing ของธุรกิจต่าง ๆ ทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เพิ่มขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน การเอาชนะคู่แข่งด้วยการทำ Programmatic Advertising ถือเป็นอาวุธทางการตลาดที่สำคัญที่ทุกธุรกิจควรต้องเรียนรู้ |
|
|
|